วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2551

กลเม็ด 6 วิธีเพื่อควานหาคนถูกใจ

ถ้าลงทุนจะ " จีบ" ทั้งที มีสัญญาณอะไรนะที่บอกว่า อีกฝ่ายเปิดทาง ให้เข้าไปตีสนิทได้แล้ว ขอย้ำ งานนี้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งส่งกระแสจิตบอกให้มา " จีบฉันสิ " ก่อนนะ ไม่ได้สุ่มสี่สุ่มห้านึกอยากจีบ ก็จีบมั่วซั่ว เพียงแต่ใครคนนั้น จะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเปิดประตูอ้าซ่าให้เราเดินเข้าใส่...นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง จากหนังสือ How to understand people (ทำอย่างไรจึงเข้าใจมนุษย์) เปรียบสายตาเหมือนหอควบคุมการบิน คล้ายดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจยังไงยังงั้น ฟังแล้วเชยเหมือนสมัยขวัญเรียม แต่เด็กยุคดอทคอมก็ไม่แคล้วแพ้ใจ ให้คนที่ตัวเองชอบเป็นทุนอยู่แล้ว เช่นกันนั่นแหละ ถ้าการที่สาวสักอนงค์ มองมายังอีกคนซึ่งจ้องเขม็งรอจ๊ะเอ๋อยู่แล้ว รู้ไหมว่าสายตาที่มองแวบแรก หมายถึงส่งสัญญาณให้เครื่องบินเตรียมลง แวบที่สอง คืออนุญาตให้ แลนดิ่ง หรือลงจอดได้ แวบที่สาม แปลว่าเมื่อไหร่เครื่องบินลำนั้นจะเข้ามาจอดสักทีนะ แววตาที่มองกันไป มองกันมาอย่างนี้แหละ ปิ๊งกันหลายรายแล้ว ยิ่งหากกล้าเขยิบเข้าใกล้ ก็มีสิทธิ์ทำความรู้จักกันได้ทันที อ้อ...ขอทำความเข้าใจเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนว่า สมัยนี้ จะพึ่งใบบุญแค่อาศัยว่า ตัวเองหน้าตาดีหรือ หุ่นเซ็กซี่น่ะ แค่นี้ไม่พอที่จะเรียกร้องความสนใจ ให้ใครๆ เข้ามาจีบได้หรอก แต่ควรมี " ลักษณะของคนที่เข้าหาได้ไม่ยาก " ด้วย ผู้ที่เป็นเจ้าของบุคลิกเข้าหาได้ไม่ยาก ก็เช่นมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส, คิ้วไม่ผูกโบ หรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงถึงความจริงจังกับชีวิตตลอดเวลา กระนั้น การเข้าหาได้ไม่ยาก ก็ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ใครต่อใครไปทั่วนะ ควรยับยั้งชั่งใจด้วยว่า ควรระริกระรี้แค่ไหนถึงเหมาะสม ง่ายเกินไปก็ไม่เก๋เช่นกัน เพราะตามหลักจิตวิทยา ทุกคนมักสงสัยสิ่งที่ได้มาง่ายๆ เสมอ และอาจเตลิดไปอีกว่า อะไรที่ได้มาง่าย ย่อมไม่มีคุณค่าไปโน่นเลย ว่าแล้วฝอยถึงกลเม็ด 6 วิธีเพื่อควานหาคนถูกใจ ดีกว่า ใน 6 ways to meet Mr.right บอกถึงขั้นตอนของการหาแฟน เหมือนรู้ใจว่า ขืนปล่อยให้หากันเอง คงแย่แน่ๆ เหตุนี้จึงขอทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงกันหน่อย

จะหาแฟนมาแนบใจก็ไม่ยากอะไร แค่...
  1. ประกาศกับเพื่อนๆ ว่า คุณจะ จัดงานปาร์ตี้ใหญ่ยักษ์ที่จะมีของกิน และเครื่องดื่มเพียบ กะเลี้ยงไม่อั้น แต่ถ้าใครอยากมาอย่าลืมหนีบชายโสดมาด้วย งานนี้ใครพาคนรักมาไม่ให้เข้า นะยะ เห็นใครมีความสุขแล้วตาจะลุกเป็นไฟ รัศมีนางอิจฉากำเริบ
  2. ประสงค์จะมีแฟนทั้งที ต้องใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้ ควรกล้าที่จะเป็นฝ่าย เข้าไปคุยกับคนแปลกหน้าทุกวัน แต่จะเข้าไปตีซี้หรือเจ๊าะแจ๊ะกับใคร ก็ดูตาม้าตาเรือหน่อย ไม่ใช่เซ่อซ่าเข้าไปหวังจับคนที่ดูแล้ว เขาไม่เล่นกับเราด้วยแน่ๆ คงเสียเวลาเปล่า
  3. ส่งอีเมล์โปรยเสน่ห์หาคู่ใจ ตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่เปิดให้บริการด้านนี้ จนเกลื่อนคอมฯ หรืออาจให้เพื่อนนัดบอดให้อีกทอดหนึ่งก็ได้ แต่มีข้อแม้หน่อยว่า ถ้าเพื่อนนัดใครให้ แล้วไม่ถูกใจ จะไปตำหนิเพื่อนก็ไม่ถูกนัก เพราะใครจะไปรู้ซึ้ง รสนิยมแท้จริงของคุณเล่า ช่วยให้รู้จักกันก็ดีแค่ไหนแล้ว หลังจากนั้นจะสานสัมพันธ์กันต่ออย่างไร ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ ละคน เรื่องแบบนี้ใครจะไปบังคับใจกันได้
  4. วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ควรใช้ทุกเวลานาทีให้เป็นประโยชน์ ด้วยการออกไปสังสรรค์ เฮฮาตามบ้านเพื่อนฝูง ต้องรู้จักเปิดตัวกับคนอื่นเข้าไว้ แถมถ้าได้ไปงานเลี้ยง ซึ่งจัดแบบเป็นกันเอง ก็อย่าได้แต่งตัวมิดชิดเกินเหตุ จะเปิดนิดโชว์หน่อยก็รีบทำซะ ยังอยู่ในวัยสะพรั่ง หากไม่โชว์ตอนนี้แล้วจะเก็บไว้ตอนไหนสำรวจตรวจตราดูสิว่า มีสถานที่แห่งหนตำบลใดบ้าง ซึ่งคนในสเปกของคุณชอบ ไปสุมกันอยู่ในนั้น แล้วจงรีบจรลีไปได้เลย อย่ามัวแต่เอ้อระเหยอยู่บ้าน ทำเป็นอะโนเนะมากๆ คงหาแฟนได้หรอก
  5. หากเจอคนถูกใจเข้าอย่างจัง อย่าปล่อยให้หลุดมือ ทำยังไงก็ได้ที่จะยื้อเขาไว้ แต่ตรงข้าม ถ้าพากเพียรหาอยู่นานก็ยังไม่เจอ " ตามสเปก " ตรงใจเสียที ก็อย่าเสียเวลา จีบกันไปจีบกันมากับคนที่เราไม่ได้คิดจริงจังด้วยหน่อยเลย
เพราะไม่งั้นก็เท่ากับปิดโอกาสทั้งของเขาและของเรา แหมจะล่อเหยื่อให้มากินเบ็ดสักหน่อย เดี๋ยวเกิดเขาเข้าใจผิดว่า เราไม่ว่างก็แย่น่ะซี นี่ถ้าไม่เป็นทาสมารยาททางสังคม กะเชียร์ ให้แขวนป้ายไว้แล้วเชียวว่า หัวใจยังว่าง เข้าทำนอง กลัวจัดว่าจะไม่มีใครรู้

12 สัญญาณว่ามีการเกี้ยวพาราสีในที่ทำงาน... เกิดขึ้นแล้ว

...เห็นกันทุกวัน เพราะทำงานที่เดียวกัน คงมีบ้างนะที่มองไปมองมา สายตาก็จ้องมองกัน รู้สึกเสียวซ่านหัวใจในออฟฟิศหรือสำนักงานนี่แหละท่าน เป็นบ่อเกิดสร้างคู่รักมานักต่อนักแล้ว...
เมอร์ลินเลยได้ที นำเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในสำนักงานมาโซ้ยซะเลย นัยว่ายังไม่ทันมีใครมายุก็ขอจุดประทัด ด้วยความปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายให้ผู้คนหวั่นไหวเล่น ด้วยความเพลิดเพลินเจริญใจใน 12 สัญญาณว่ามีการเกี้ยวพาราสีในที่ทำงาน...เกิดขึ้นแล้ว (12 Signs of an office flirtation) บอกว่า ถ้าฝ่ายหญิงถูกจีบ มักแสดงอาการดีใจจนเนื้อเต้น และเก็บไว้ไม่ ค่อยอยู่นักหรอก แหม... ปูนนี้แล้ว ยังอุตส่าห์มีคนมาติดพัน มันใช่ย่อยซะที่ไหน แล้วงี้จะไม่ให้ ระริกระรี้ หน้าบานเป็นดอกทานตะวันได้ไงจ๊ะ ความรักกับผู้หญิงน่ะ เป็นของคู่กันอยู่แล้ว แต่อย่าเจอกรณี มีลูกกวนตัว มีผัวกวนตีน ก็แล้วกัน เดี๋ยวหัวใจฟกช้ำดำเขียวไปซะก่อน เมอร์ลินงี้อยากให้ดอกรักได้มีโอกาสฟูมฟักให้บานนานๆ อย่ารักง่ายหน่ายเร็วนักเลย ว่าแล้วก็เลี้ยวกลับมาเข้าเรื่องสัญญาณแต่ไม่ใช่สัญญา ที่ฝ่ายหญิงแสดงออก เมื่ออยากให้ใครมารักหรือตกหลุมรักโป๊ะเชะ มีตั้งแต่
  1. ชอบเล่นผมของตัวเอง ในลักษณะของคนใจลอยบ่อยๆ หรือไม่งั้น ถ้ารู้ว่าคนที่เธอสนใจกำลังเดินผ่านมา หล่อนจะจัดแจงแต่งผมให้ได้รูปได้ทรง ยังไงซะ ผู้หญิงย่อมรักสวยรักงามวันยังค่ำ แล้ว " ความสวยความงาม" ก็ดันเป็นเสน่ห์ดึ๋งดั๋งเสียด้วยนะ ไปถามดูเถิดว่า ผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบคนงามหน้าตาจิ้มลิ้มหรือเปล่า ? หากยิ่งเซ็กซี่ด้วย ก็ยิ่งน่าเสียวไส้
  2. จะอารมณ์ดีม้าก มาก ถ้าสืบได้ว่า ฝ่ายที่ตามจีบเธอยังเป็นโสด อย่างน้อย หนูก็ยังอยากเป็นเบอร์ 1 ไม่อยากกินน้ำใต้ศอกของใคร แถมเผลอๆ เดี๋ยวได้น้ำตาตกในละก้อ ขืนเจอโชคสองชั้นอย่างงี้ อย่าเจอกันเลยดีกว่า ใครว่า เลือกแฟนก็เหมือนซื้อลอตเตอรี่ก็ใช่ แต่โอกาสถูกเจ๋งเป๋งน้อยกว่ากันเยอะ เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกหนู
  3. ใช้ภาษาท่าทางส่ออาการว่าอยากมีรักอย่างเปิดเผย เช่น ถ้าชอบก็เชื้อเชิญอีกฝ่ายด้วยการจับมือถือแขน ทำตัว สนิทสนม หรือถ้ากล้ามาก บางคนเล่นใส่เสื้อคอเว้า หวังโชว์ เนินอกก็มี เรื่องโชว์ ขอให้บอกเหอะ เพราะกลัวไม่ได้โชว์ มากกว่า... ใช่ไหมล้า
  4. มักเดินผ่านหวานใจให้เห็นกันทุกวี่ทุกวัน ถ้าไม่ชอบแล้วจะพยายามขนาดนี้รึ
  5. ถ้าคุยกันต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ ก็ใช้วิธีส่งอีเมล์กันเหมือนในเรื่องบริดเจท โจนส์ไดอารี่ นั่นแหละ เห็นนั่งหน้าจอคอมฯทั้งวันทั้งคืน บางทีไม่ใช่ขยันทำงานอะไรหรอก แต่พะวงเรื่องอื่นน่ะสิไม่ว่า
  6. ถ้าว่างพร้อมกัน ก็ทานข้าวด้วยกัน แล้วอย่าหาว่ามัวแต่จีบกันอยู่นั่น...ไม่ได้นะ เพราะทั้งคู่กำลังเสริมสร้างความเข้าใจ ให้สอดคล้องต่างหาก คนอื่นก็อย่าอิจฉาตาร้อนกันนักเลย เป็นคนขี้อิจฉาไม่น่ารักนะเจ้าคะ
  7. ก็ในเมื่อสนิท จะไปไหนมาไหน ก็มักไปด้วยกันหากโอกาสอำนวย อันเรื่องไปไหนมาไหนกับใครๆ เนี่ยนะ แม้แต่เพื่อนก็ยังไปไหนไปกัน ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เฉพาะคนรักกันซะหน่อย ถ้าจะจับผิดก็ควรแยกแยะซะก่อน
  8. อยากรู้เรื่องของอีกฝ่ายชนิดทุกซอกทุกมุม เผื่อไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานหรือเดตา เบส ก่อนจะคบหากันให้ลึกซึ้งต่อไปก็ได้นี่ ดีซะอีกจะได้วัดกันไปเลยว่า เมื่อคบกันไปนานๆ ไอ้ที่เขาเคยพูดงั้นงี้มันจริงหรือว่าโกหกทั้งเพ
  9. ต่างฝ่ายต่างชอบพูดถึงกัน ให้บรรดาซี้ซั้ว เอ้ย เพื่อนซี้ฟัง
  10. บางคนพอมีความรักในที่ทำงานจะฮึดขยันขันแข็งขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ แต่บางคู่กลับตรงข้าม ยิ่งรักยิ่งกัดก็มี เรื่องพรรณนี้ มันอยู่ที่ลมเพลมพัด วันไหนดีก็ดีใจหาย วันไหนร้าย แม่มดเจอกับอสูรกายไงงั้น
  11. โต๊ะทำงานเริ่มเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เลอะเทอะอีกต่อไป บอกเป็นนัยๆ นะว่า อีกหน่อยเป็นแม่บ้านแสนประเสริฐได้
  12. มีขนมนมเนยที่โต๊ะทำงาน ไว้คอยรับแขกสำคัญ ถ้าไม่ใช่หวานใจฉัน อย่ามาหยิบนะเฟ้ย รู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ